ประวัติของโปรแกรม SPSS, โปรแกรม LISRELและ โปรแกรม AMOS

โปรแกรม SPSS

โปรแกรม SPSS ย่อมาจาก Statistical Package for the Social Science for Windows เป็นโปรแกรมสําเร็จรูปที่ใช้สําหรับการวิเคราะหาข้อมูลทางสถิติ พัฒนาโดยบริษัท SPSS Inc. ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยโปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพสูง ในการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ และการจัดการข้อมูลต่าง ๆ ผู้ใช้โปรแกรมสามารถวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติประเภทต่าง ๆ และแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลออกมาในรูปของตาราง หรือแผนภูมิชนิดต่าง ๆ ได้ทั้งแบบ ๒ มิติ และ ๓ มิติ การใช้งานโปรแกรมไม่ซับซ้อน เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการประมวลผลข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำและรวดเร็ว
โดยความสำคัญของโปรแกรมนี้มีอยู่ 2 หัวข้อใหญ่ๆได้แก่
1.        มีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเทคนิคทางสถิติ
โดยสามารถวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเทคนิคทางสถิติเบื้องต้น  เช่น  ค่าเฉลี่ย  ร้อยละ  ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน  ค่าฐานนิยม  ค่าแสดงตำแหน่งของข้อมูล  เช่น  ควอไทล์  การนำเสนอข้อมูลในรูปของกราฟ  การแจกแจงความถี่ในรูปของตาราง  การวิเคราะห์ข้อมูลแบบ  Multiple Response 
 2.           มีความสามารถในการจัดการกับข้อมูล และผลลัพธ์ ในรูปของตารางและกราฟ
ซึ่งโปรแกรม SPSS  สามารถที่จะดำเนินการจัดการเกี่ยวกับข้อมูลในลักษณะต่าง ๆ ต่อไปนี้
 -การเปลี่ยนรูปข้อมูล (Data Transformation)
 -การเลือกข้อมูล (Select Case)
 -การจัดการกับไฟล์ข้อมูล
 -การดำเนินการกับข้อมูลในลักษณะอื่น ๆ


ผลลัพธ์ที่ได้จากโปรแกรม SPSS นอกจากใช้ คุณสมบัติทั่ว ๆ ไป คือ คัดลอก ย้าย และลบได้แล้ว ผู้ใช้ยังสามารถดำเนินการส่งผลลัพธ์ไปใช้ในโปรแกรมอื่น ๆ ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น แบบ Text แบบ Graphics แบบ HTMLวินโดวส์ที่มีอยู่ในโปรแกรม SPSS ได้อีกด้วย

โปรแกรม LISREL


โปรแกรม LISREL ย่อมาจาก Linear Structure Relationship Model: LISREL Model หรือโมเดลลิสเรล เป็นโมเดลที่แสดงถึงความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ (causal relationship) ระหว่างตัวแปรภายนอก (exogenous variable) และตัวแปรภายใน (endogenous variable) ตามทฤษฎีที่นักวิจัยศึกษามา โดยความสัมพันธ์เชิงสาเหตุระหว่างตัวแปรแฝงในโมเดล ซึ่งแสดงในรูปแบบของโมเดลโครงสร้าง (Structural  Model) ที่มีประโยชน์ในการนำมาใช้แก้ปัญหาทางการวิจัยทางสังคมศาสตร์และพฤติกรรมศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในการศึกษาทางด้านเศษฐศาสตร์มหภาค พฤติกรรมผู้บริโภค และอื่นๆ วิธีการนี้รวมไปถึงการวิเคราะห์สาเหตุเชิงเส้นตรง  ( Linear Causal Analysis ) , การวิเคาระห์อิทธิพล ( Path Analysis) , การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ ฯลฯ
                โดยโมเดลสมการโครงสร้างนี้ใช้ในการศึกษาภายใต้ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นในเทอมของตัวแปรเหตุและผลและตัวบ่งชี้ เพราะแต่ละสมการในโมเดลจะแสดงการเชื่อมโยงเชิงสาเหตุมากกว่าความสัมพันธ์เชิงประจักษ์ หากคุณลักษณะที่ต้องการวัดเป็นนามธรรม เช่น พฤติกรรมของบุคคล, เจตคติ, ความรู้สึกและแรงจูงใจ โดยมากในการวัดจะมีความคลาดเคลื่อนในการวัดรวมอยู่ด้วย  และโมเดลการวัดจะต้องแสดงความคลาดเคลื่อนในการวัดด้วย

ลักษณะของโมเดลลิสเรล มี 2 แบบ ดังนี้
 1.โมเดลการวัด (measurement model )
เป็นโมเดลที่แสดงความเกี่ยวข้องกันระหว่างตัวแปรแฝง (latent  or unobserved variable)  กับตัวแปรสังเกต (measured  หรือ observed variable) โดยตัวแปรสังเกต เป็นตัวแปรที่สามารถวัดหรือสังเกตได้ โดยใช้เครื่องมือที่นักวิจัยสร้างขึ้น สัญลักษณ์ของตัวแปรสังเกตคือ สี่เหลี่ยมส่วนสัญลักษณ์ของตัวแปรแฝงคือ วงกลมหรือวงรี
2    2.  โมเดลโครงสร้าง (structural model )
เป็นโมเดลที่แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรแฝง โดยตัวแปรแฝง (latent or unobserved variable) เป็นตัวแปรที่ไม่สามรถวัดได้โดยตรง แต่มีโครงสร้างตามทฤษฎีที่แสดงผลออกมาในรูปของพฤติกรรมที่สามารถสังเกตได้ ซึ่งวัดได้จากตัวแปรสังเกต และประมาณค่าตัวแปรแฝงจากการนำกลุ่มตัวแปรสังเกตที่เป็นตัวบ่งชี้ของตัวแปรแฝงนั้นมาวิเคราะห์องค์ประกอบ (factor analysis) สัญลักษณ์ของตัวแปรแฝงคือวงกลใหรือวงรี

ขั้นตอนการสร้างโมเดลลิสเรล
จากการศึกษางานวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์ที่ผ่านมาพบว่า หากเป็นงานวิจัยเชิงปริมาณที่นัดวิจัยต้องการอธิบายความแปรปรวนของคะแนนตัวแปรตาม ด้วยตัวแปรปัจจัยต่างๆ และศึกษษอิทธิพลเชิงสาเหตุทั้งทางตรงและทางอ้อมของปัจจัยต่างๆ ที่มีต่อตัวแปรตามหรือตัวแปรหลัก โมเดลลิสเรลเป็นโมเดลการวิเคราะห์ที่สามารถตอบคำถามการวิจัยได้อย่างครอบคลุม โดยการสร้างหรือการพัฒนาโมเดลลิสเรลนั้น เริ่มแรกนักวิจัยจะต้องเริ่มจากการกำหนดประเด็นหลักของการวิจัยหรือตัวแปรหลักในการวิจัย จากนั้นจึงเริ่มศึกษาทฤษฎี แนวคิด และเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะนำมาสร้างเป็นกรอบแนวคิดการวิจัยและกำหนดโมเดลความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ เมื่อโมเดลมีตัวแปรที่ชัดเจนแล้ว นักวิจัยจึงเริ่มสร้างและพัฒนาเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เก็บรวบรวมข้อมูลและนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เพื่อทำการทดสอบว่าโมเดลที่สร้างขึ้นตามทฤษฎีมีความกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์หรือไม่ และขั้นตอนสุดท้ายก็คือการสรุปผลการวิจัย

โปรแกรม AMOS



โปรแกรม AMOS ย่อมาจาก Analysis of Moment Structures เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ช่วยในการสร้างโมเดลสมมติฐาน เพื่อพิสูจน์การยอมรับหรือปฎิเสธโมเดล โดยทำงานควบคู่กับข้อมูลที่ได้บันทึกไว้ในโปรแกรม SPSS หรือเรียกได้ว่าเป็น โปรแกรมเสริมที่ทำให้สร้างแบบจำลองของสมการโครงสร้างและโครงสร้างความแปรปรวนร่วม การวิเคราะห์อิทธิพล, และมีความสามารถพื้นฐานเพิ่มเติม เช่น การวิเคราะห์การถดถอยเชิงเส้น, ANOVA และ ANCOVA

ประเภทของโมเดลสมการโครงสร้าง
โดยทั่วไปจะสามารถแบ่งโมเดลสมการโครงสร้างออกได้เป็น 4 ประเภท ดังนี้
1. การวิเคราะห์เส้นทาง (Path Analysis)
2. การวิเคราะห์ปัจจัยเชิงยืนยัน (Confirmatory Factor Analysis: CFA)
3. โมเดลโครงสร้าง (Structural Regression Model: SR)
4. โมเดลโค้งการพัฒนา (Latent Growth Model: LGM)

โปรแกรม AMOS มีความสำคัญอยู่ตรงที่มีการใช้งานง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหมาะสำหรับนักวิจัยที่ไม
ชำนาญในการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ต้องเขียนคำสั่งในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ซึ่งใช้งานง่ายกว่า
โปรแกรม LISREL และหากมีความคุ้นเคยกับการใช้โปรแกรม SPSS ก็จะสามารถใช้โปรแกรม AMOS ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น และข้อมูลก็สามารถใช้ร่วมกันได้โดยไม่ต้องแปลงไฟล์ข้อมูลแต่อย่างใด


แหล่งที่มา



เครดิตรูภาพ

ความคิดเห็น